ทัวร์แกรนด์คอเคซัส อาเซอร์ไบจัน-จอร์เจีย-อาร์เมเนีย

ทัวร์แกรนด์คอเคซัส อาเซอร์ไบจัน-จอร์เจีย-อาร์เมเนีย

รหัสทัวร์
108-7780
วันที่เดินทาง
เม.ย.67 / ก.ย.67
ช่วงเวลา
13 วัน 10 คืน
เดินทางโดย
Qatar Airways (QR) Qatar Airways (QR)

ไฮไลท์

  • จุดชมวิวเมืองบากู - โกบูสถาน (Gobustan) - สุสานของดิริบาบา - มัสยิดจูมาแห่งเมืองเชเมคี
  • พระราชวังเชคฆี - นครแห่งความรัก (Love City) - อารามโบดเบ (Bodbe Monastery)
  • ป้อมปราการแห่งซิกนากี (Sighnaghi Old Fortress) - พิพิธภัณฑ์มนุษยวิทยาและโบราณคดีแห่งซิกนากี
  • อารามจวารี (Jvari Monastery) - ป้อมปราการอันนานูรี - โบสถ์สมินดา ซาเมบา  - นครถ้ำอุพลิทซิเฆ
  • ป้อมปราการหินนาริกาลา - โรงอาบน้ำแร่เก่าแก่ - ถนนรุสตาเวลี - อารามซานาฮินน์
  • วิหารเก็กเคริท - เมืองเอคเมียทซิน - อารามซวาสนอทซ์ - เยเรวาน คาสเคด

แผนการเดินทาง

23.00 น.    พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 6 เคาน์เตอร์ M โดยสายการบิน Qatar Airways โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน

02.30 น.     เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 837 (ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)

05.30 น.     เดินทางถึงสนามบินนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา รอเปลี่ยนเครื่องสำหรับเที่ยวบินถัดไป

08.45 น.     เหินฟ้าสู่ บากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 353 (ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 50 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)

12.35 น.    เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเฮดาอาลิเยฟ เมืองบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองบากู มุ่งตรงไปยังร้านอาหารทันที

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          เริ่มท่องเที่ยวนำชมเมืองหลวงบากู  "บากู" หรือชื่อเดิม “บากี” เป็นภาษาเปอร์เซียแปลว่าเมืองแห่งสายลม เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอาเซอร์ไบจัน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบแคสเปียนของภูมิภาคคอเคซัส เมืองบากูอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 28 เมตร จึงทำให้บากูเป็นเมืองหลวงที่อยู่ต่ำที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นเมืองศูนย์ กลางทางด้านวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมของอาเซอร์ไบจัน มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ รวมทั้งมีสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่หลายแห่งรวมตัวกันอยู่ในเมืองนี้

นำท่านไปที่ จุดชมวิวเมืองบากู (Sahidlar Xiyabani) ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดจากยอดเขาทั้งเจ็ดลูกของเมืองบากู เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ในมุมกว้างของเมืองบากู สามารถมองเห็นอ่าวโค้งของทะเลสาบแคสเปียน ตัวตึกรามบ้านช่อง และอาคารสูงตระง่าน รวมทั้งท่าเรือและเรือขุดเจาะน้ำมัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเมืองบากูมีการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว เพราะมีทรัพยากร ธรรมชาติพวกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากมายมหาศาล

ระหว่างทางขึ้นจุดชมวิว เดินผ่านสุสานของเหล่าทหารและวีรชนที่เสียชีวิตในสงคราม ใกล้กับจุดชมวิว จะเป็นที่ตั้งของกลุ่มอาคารรูปเปลวเพลิง (Flame Towers) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สะท้อนถึงความทันสมัยของเมืองแห่งนี้

นำท่านแวะถ่ายรูป เฮดาร์ อาลิเยฟ เซ็นเตอร์ (Heydar Aliyev Center) อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความทันสมัยของเมืองบากู ที่ออกแบบโดยสถาปนิกหญิงชื่อดังนามว่า Zaha Hadid โดยรูปทรงภายนอกของอาคารสีขาวคล้ายกับเกลียวคลื่นดูเก๋ไก๋และโดดเด่นในใจกลางเมือง

อิสระให้ท่านได้เดินเล่นบน ถนนนิซามี (Nizami Street) เป็นถนนช้อปปิ้งยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบากู บนถนนสายนี้มีบรรดาร้านค้าที่จำหน่ายสินค้ามากมาย รวมถึงยังมีร้านอาหารหลากหลายร้านให้เลือกทานกัน อาทิ อาหารพื้น เมืองอาเซอร์รี่ อาหารสไตล์ยุโรป อาหารเอเชีย เป็นต้น อาคารสถาปัตยกรรมยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 อันสวยงามบนถนนสายนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจสำหรับนักช้อปและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะยามค่ำคืนเมื่อเริ่มเปิดไฟประดับอาคารต่างๆ ถนนสายนี้เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับสวยงามยิ่งนัก

เย็น          พาเดินเล่นชมวิวทะเลแคสเปียนและวิวเมืองในมุมกว้างบนถนนริมทะเล ณ Baku Boulevard

ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Baku Marriott Hotel Boulevard 5* ,Baku หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางไปยัง โกบูสถาน (Gobustan) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองบากู มีระยะทางราว 65 กิโลเมตร อุทยานโกบูสถาน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะภาพแกะสลักและภาพวาดที่เกี่ยวกับเรื่องราวการล่าสัตว์ การต่อสู้ และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงช่วงยุคกลาง นักมานุษยวิทยาและนักโบราณคดีคาดว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในระหว่าง 5,000 - 40,000 ปีที่ผ่านมา โกบูสถานถูกค้นพบโดยกลุ่มคนงานเหมืองในปีค.ศ.1930 เมื่อพนักงานคนหนึ่งสังเกต เห็นภาพแกะสลักอยู่บนโขดหิน นอกจากนั้นยังค้นพบถ้ำ ที่เต็มไปด้วยภาพเขียนต่างๆที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของโลกและประเทศอาเซอร์ไบจัน องค์การยูเนสโก้จึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2007

ระหว่างทางแวะชม ภูเขาไฟโคลน (Mud Volcano) ที่เกิดจากดินเหลวและก๊าซ ลักษณะคล้ายลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดิน ในประเทศอาเซอร์ไบจันมีภูเขาไฟโคลนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่พบบนโลก

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          นำท่านเดินเที่ยวแถว ย่านเมืองเก่า (Baku Old City) พาชม ประตูเมืองเก่าเชเมคา (Shemakha Gate) พระราชวังเชอร์วานชาค์ (Shirvanshakh's Palace) ภายในจะมีศาลตัดสินความ สุสานของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์  โรงอาบน้ำโบราณ ที่พักกองคาราวาน (Caravanserai) หอสังเกตการณ์เมดาน (Maiden Tower) และ ตลาดผลไม้ในสมัยโบราณ ปัจจุบันดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่ง ก่อสร้างในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 11-12  ต่อมาในปี ค.ศ.1806 อาเซอร์ไบจันถูกครอบครองโดยจักรวรรดิ์รัสเซีย ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการค้า มีร้านค้ากว่า 700 ร้าน ประชากรรวมกันกว่า 7,000 คน ภายในกำแพงเมืองเก่ามีปืนใหญ่ตั้งอยู่รายรอบ ประตูเมืองทั้งสองแห่งเปิดให้ทำการค้าและมีการตั้งสำนักงานศุลกากรขึ้นในปี ค.ศ.1809 ในเวลาต่อมาเมืองบากูเริ่มขยายและถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน พวกที่คิดว่าตนเองดีกว่ารวยกว่าก็ย้ายออกไปตั้งบ้านเรือนใหม่นอกกำแพงโดยนำรูปแบบการก่อสร้างแบบบาร็อคและโกธิคมาใช้ จึงทำให้ย่านเมืองบากูใหม่มีบ้านเมืองที่คล้ายคลึงกับแถบยุโรป นอกจากนี้ในปีค.ศ.2000 เมืองเก่าบากูได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกด้วย

ค่ำ           รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Baku Marriott Hotel Boulevard 5*, Baku หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

ออกเดินทางสู่ เมืองเชคฆี ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบากู ระหว่างทางท่านสามารถชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงาม เดินทางต่อไปบนเส้นทางผ่าน เมืองเชเมคาหรือเชเมคี (Shemakha or Shemakhi) เมืองหลวงเก่าของอาเซอร์ไบจันก่อนที่จะย้ายไปยังเมืองบากู แวะชม สุสานของดิริบาบา (Diri Baba Mausolem)  ตั้งอยู่ที่เมืองมาราซา (Maraza) สร้างอยู่บริเวณที่เป็นหน้าผา เป็นอาคารสถาปัตยกรรมสองชั้นที่มีรูปแบบสวยงามสร้างเจาะเข้าไปในหน้าผา สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นสุสานของท่านเชค ดิริ บาบา (Sheikh Diri Baba) นักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอาเซอร์ไบจันเคารพนับถือและเดินทางมาจาริกแสวงบุญ ณ ที่แห่งนี้ทุกปี

ครั้นเดินทางถึงเมืองเชเมคี นำท่านชม มัสยิดจูมาแห่งเมืองเชเมคี สถานที่สำคัญที่สุดของเมืองนี้ ซึ่งเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดและอลังการมากที่สุดแห่งหนึ่งของอาเซอร์ไบจัน ในขณะที่โครงสร้างปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.2013 แรกเริ่มเดิมทีมัสยิดถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.743 ทำให้มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในคอเคซัสและเก่าแก่ที่สุดในอาเซอร์ไบจัน นอกจากความ สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาแล้ว ท่านจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมที่สง่างามและดูขลังเงียบสงบภายในมัสยิด

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          หลังอาหาร สมควรแก่เวลาเดินทางต่อไปจนถึงเมืองเชคฆี

นำท่านชม พระราชวังเชคฆี (Sheki Khans Palace) เป็นพระราชวังฤดูร้อนของข่านเชคฆี ภายนอกตกแต่งด้วยกระ เบื้องหลากสี สีน้ำเงินเข้ม สีฟ้าคราม สีเหลือง ตามรูปทรงเรขาคณิตแบบอิสลามพร้อมด้วยน้ำพุ สระน้ำและการจัดสวน โครงสร้างที่ใหญ่และหรูหรา ภายในผนังและเพดานเต็มไปด้วยภาพวาดลวดลายสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละห้อง อีกทั้งหน้าต่างยังใช้กระจกสีที่นำมาจากอิตาลี โดยผ่านพ่อค้ากองคาราวาน พระราชวังแห่งนี้สร้างเสร็จในปีค.ศ.1762 โดย มูหะหมัด ฮัสซัน ข่าน และได้รับการบูรณะใหม่โดยได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารโลก

จากนั้น หากมีเวลาเหลือ เดินเล่นชมร้านรวงที่ขายสินค้าพื้น เมืองรวมทั้งขนมหวานที่มีชื่อเสียงของเมืองเชคฆีที่มีชื่อว่า “Halva” ก่อนเดินทางต่อไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อนอย่างอิสระตามอัธยาศัย

ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Sheki Saray Hotel 4*, Sheki หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

อำลาอาเซอร์ไบจัน เดินทางต่อไปยังด่านพรมแดนอาเซอร์ไบจัน-จอร์เจีย ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง เปลี่ยนรถ พบมัคคุเทศก์ชาวจอร์เจียเพื่อเดินทางไปยังเมืองซิกนากี (โปรดทราบ...ระหว่างการข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศ จะมีช่วงรอยต่อพรมแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ (No Man Land)  ท่านจะต้องลากกระเป๋าของตนเอง ระยะทางราว 500-600 เมตร  ไม่มีคนยกกระเป๋าบริการ เนื่องจากเป็นเขตแดนควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด)

เมืองซิกนากี (Sighnaghi) เมืองเล็กๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่เกิน 3,000 คน ในเขตแคว้นคาเคติ  (Khakheti) เมืองนี้มีชื่อที่มาจากภาษาเตอร์กิชว่า “Signakh” แปลว่า “ที่พักอาศัย” ปัจจุบันได้ถูกเรียกขานว่า นครแห่งความรัก (Love City) เนื่องจากสถาปัตยกรรมและสีสันอันอ่อนหวานของบ้านเรือนแบบพื้นบ้านที่ทอดตัวอยู่บนเนินเขา เมื่อมองลงไปจะมองเห็นผืนที่ราบกว้างใหญ่ ซิกนากีเป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์อีกแห่งของจอร์เจีย ในฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและงานศิลปะจำพวกช่าง ฝีมือแขนงต่างๆ สิ่งสำคัญโดดเด่นเฉพาะถิ่นแถบนี้คือ การทำไร่องุ่นและการบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงมาช้านาน ที่นี่เป็นแหล่งเพาะองุ่นพันธุ์ที่ดีที่สุดในจอร์เจีย เขตคาเคติมีกำลังการผลิตไวน์ได้ถึงร้อยละ 70 ของประเทศ นำท่านร่วมเดินทางไปบน เส้นทางแห่งไวน์ (Wine Route) ที่เป็นถนนสายเล็กๆที่ซอกซอนเข้าไปในหมู่บ้านแทบทุกสาย

นำท่านเดินทางไปยัง อุโมงค์ไวน์ (Winery Khareba) ที่ท่านจะได้ชมกระบวนการการผลิตพร้อมชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงของจอร์เจียที่เก็บบ่มไวน์ในอุโมงค์ใต้ดิน ด้วยคุณภาพไวน์จากวิธีการเก็บบ่มไวน์ดัง กล่าวนี้เองทำให้จอร์เจียและไวน์ของที่นี่ได้รับสมญานามว่า Georgia - A Cradle of Wine       

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          นำท่านชม อารามโบดเบ (Bodbe Monastery) ที่ตั้งอยู่ห่างจากซิกนากีออกไป 2 กิโลเมตร ถือเป็นสถานที่แสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง ใช้เป็นสถานที่บูชารำลึกและเก็บร่างของนัก บุญนิโน (St.Nino) ผู้เผยแพร่คริสต์ศาสนาของจอร์เจียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4

นำท่านชม ป้อมปราการแห่งซิกนากี (Sighnaghi Old Fortress) ตั้งอยู่ในเขตคาเคติ (Kakheti) เมืองซิกนากีก่อตั้งโดยกษัตริย์ Irakli II ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 กำแพงป้อมปราการอยู่ในสภาพดีเยี่ยมและยังทำหน้าที่ปกป้องเมือง ที่นี่ถือเป็นป้อมปราการที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในจอร์เจีย หอคอยและกำแพงป้อมปราการขนาดใหญ่มอง เห็นได้จากระยะไกล กำแพงป้อมปราการตั้งอยู่บนทางลาดของภู เขา จากจุดสูงสุดของกำแพงป้อม คุณจะได้ชมทัศนียภาพที่ดีที่สุดของเมืองและหุบเขาอลาซานี (Alazani)

เมื่อได้เวลาพอสมควร นำท่านเช็คอินเข้าที่พัก พักผ่อนและเปลี่ยนอิริยาบถ

ค่ำ           รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Kabadoni Boutique Hotel 4*, Sighnaghi หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

เช้านี้สดใส นำท่านชม พิพิธภัณฑ์มนุษยวิทยาและโบราณคดีแห่งซิกนากี (Ethnographic and Archaeological Museum) บริเวณภายในชั้นล่างจัดแสดงวัตถุโบราณต่างๆ ที่ขุดค้นพบจากสุสานในแถบหุบเขาอลาซานี (Alazani) เครื่องแต่งกาย เครื่องดนตรี เครื่องมือ อาวุธต่างๆ ส่วนชั้นบนท่านจะได้ชมภาพเขียนของนักประพันธ์กวีผู้โด่งดังในจอร์เจีย Niko Pirosmani และ Lado Gudiashvili

จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นในเมืองซิกนากี เมืองเล็กๆบนเนินเขา ช้อปปิ้งงานถักทอพื้นเมืองที่ทำโดยชาวบ้านในราคากันเอง   

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          เดินทางต่อไปสู่ เมืองทบิลิซี (โดยมีระยะทาง 110 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง)

นำท่านชมโบสถ์นิกายออโธด๊อกซ์ วิหารตรีเอกานุภาพแห่งทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) โบสถ์นี้ในภาษาท้องถิ่นมีชื่อว่า ซาเมบา (Sameba) เป็นโบสถ์คริสต์ออโธด๊อกซ์ที่สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก (ความสูง 84 เมตร) ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 10 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.2004 เดิมสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นสุสานเก่าของชาวอาร์เมเนียในกรุงทบิลิซี

นำท่านชม อนุสาวรรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งหินสีดำขนาดใหญ่แกะสลักเป็นรูปไอคอนต่างๆ ที่สื่อถึงเรื่องราวในอดีตของประเทศจอร์เจีย ถูกสร้างขึ้นโดย ซุราป นักสถาปนิกชื่อดังก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ.1985 ประกอบ ด้วยแท่งเสา 16 แท่ง แต่ละแท่งสูง 35 เมตร แต่ละเสาจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนล่างสุดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ ส่วนกลางเกี่ยวกับเรื่องราวของข้าราชการชนชั้นสูงของจอร์เจีย ส่วนบนเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญต่างๆของประเทศ ท่านสามารถชมวิวเมืองจากมุมสูงได้จากสถานที่แห่งนี้อีกด้วย

อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ณ ห้างสรรพสินค้า Galleria Tbilisi

ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Iveria Hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยว เมืองมซเฮตา (Mtskheta) เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีไป 25 กิโลเมตร ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไอบีเรียตั้งแต่ในช่วงยุค 300 ปีก่อนคริสตกาลจนกระทั่งศตวรรษที่ 5 องค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้ “โบราณสถานแห่งเมือง มซเฮตา” เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1994

จากนั้นนำท่านสู่ อารามจวารี (Jvari Monastery) จากเนินเขาที่ตั้งของอารามจะมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามของอดีตเมืองหลวงเก่าของจอร์เจีย และเป็นบริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสายหลักของจอร์เจีย คือ แม่น้ำมตควารีและแม่น้ำอารักวี อารามแห่งนี้เป็นที่เก็บไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสามอันที่สร้างในสมัยนักบุญนีโน่

นำท่านชม มหาวิหารสเวติสโฆเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ที่นี่คือศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจอร์เจีย ภายในมหาวิหารแห่งนี้จะมีภาพเขียนเฟรสโก้ที่สวยงาม ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับคริสต์ศาสนา และยังมีหลุมฝังพระศพของกษัตริย์จอร์เจียที่สำคัญอีกสองพระองค์คือ กษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี (King Vakhtang Gorgasali of Katli) แห่งคริสต์ ศตวรรษที่ 4 และกษัตริย์อีเรคเคิลที่สอง (King Erekle II) แห่งคริสต์ศตวรรษที่ 18  

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          ออกเดินทางต่อไปบนเส้นทางหลวงทหารจอร์เจียสายประวัติศาสตร์ (Georgian Military Highway) ทางทิศเหนือของทบิลิซี สู่เมืองคาซเบกิ ระหว่างทางแวะชม ป้อมปราการอันนานูรี (Ananuri Fortress) ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอารักวีใกล้อ่างเก็บน้ำซินวาลี สร้างขึ้นโดยท่านดยุคแห่งอารักวีในช่วงคริสต์ ศตวรรษที่13 ป้อมปราการนี้ประกอบด้วยสองส่วนเข้าด้วยกัน คือ ป้อมปราการส่วนบนที่เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี และป้อมปราการส่วนล่างมีลักษณะอาคารทรงกลมก็อยู่ในสภาพถูกทำลายเสียหายโดยส่วนใหญ่ ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย (Unesco Tentative List) 

เดินทางต่อสู่เมืองแห่งสกีรีสอร์ทที่สวยงามแห่งเทือกเขาคอเคซัส ณ ระดับความสูง 2,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นประตูหน้าด่านสู่ เมืองสเตปันทสมินดา (Stepantminda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า เมืองคาซเบกิ (Kazbegi) บนเส้นทางหลวงทหารสายนี้ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับความงดงามตระการตาของวิวทิวทัศน์แถบเทือกเขาคอเคซัส (The Greater Caucasus) ตลอดเส้นทาง คาซเบกิเป็นชื่อเรียกในสมัยที่ถูกปกครองโดยสหภาพโซเวียต เมืองใกล้ชายแดนรัสเซียที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความงามทางธรรมชาติของทิวทัศน์และยอดเขาคาซเบ็ก (Mount Kazbek) ซึ่งมีความสูง 5,047 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับเจ็ดของเทือกเขาคอเคซัส

นำท่านนั่งรถจี๊ป (คันละ 4-5 ท่าน) ขึ้นสู่ยอดเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของ โบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba Church / Gergeti Trinity Church) ในระดับความสูง 2,170 เมตรที่อยู่ใกล้หมู่บ้านเกอเกติ โบสถ์เก่าแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 มีอายุกว่า 700 ปี ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของจอร์เจีย และได้ขึ้นหน้า ปกของหนังสือท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Lonely Planet ฉบับล่าสุด อิสระให้ท่านถ่ายภาพวิวทิวทัศน์บริเวณรอบๆ โบสถ์ที่มองเห็นหมู่บ้านเกอเกติอยู่เบื้องหน้าและเมืองคาซเบกิอยู่เบื้อง หลังและทุ่งหญ้ารอบเนินเขาก็เป็นแหล่งอาหารของฝูงวัวแห่งคอเคซัสด้วย (ก่อนเข้าชมโบสถ์ด้านใน เฉพาะผู้หญิงจะต้องนุ่งผ้าที่ทางวัดเตรียมไว้ให้)

จากนั้นเดินทางกลับลงไปยังเมืองเพื่อเปลี่ยนเป็นรถบัส

ค่ำ           รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Rooms Hotel 4*, Kazbegi หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม พร้อมชมทิวทัศน์ของเทือกเขาคอเคซัสและยอดเขาคาซเบ็ก ณ ระเบียงเบื้องหน้าของโรงแรม

เช้านี้ เดินทางต่อสู่เมืองโกรี ระหว่างทางให้ท่านแวะถ่ายรูปที่ อนุสรณ์สถานมิตรภาพระหว่างจอร์เจียและรัสเซีย (Georgia and Russia Friendship Monument)

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          เมืองโกรี เป็นเมืองหลวงของแคว้นชีดา คาร์ตลี ในยุคของสหภาพโซเวียต โกรีได้ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม อีกทั้งเป็นบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน อดีตจอมเผด็จการผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลกช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

นำท่านชม พิพิธภัณฑ์และบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin Museum) พร้อมทั้งรถไฟที่เขาใช้ในการเดินทางไปประชุมในที่ต่างๆ 

นำท่านเดินทางไปชม นครถ้ำอุพลิทซิเฆ (Uplistsikhe) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองโกรีไปทางทิศตะวัน ออกเฉียงใต้ราว 15 กิโลเมตร อุพลิทซิเฆ Uplistsikhe คือนครถ้ำที่เคยเป็นถิ่นฐานของผู้คนและอารยธรรมในแถบนี้ตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีก่อน หินผาขนาดใหญ่ถูกสกัดและสลักเสลาเป็นช่องห้องโถงต่างๆ มากมายจนกลายเป็นนครถ้ำตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาหินทรายซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ อดีตถ้ำอุพลิทซิเฆเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของจอร์เจียฝั่งตะวันออกตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล และช่วงที่เมืองนี้มีความเจริญสุดขีด คือ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9-11 ก่อนจะถูกรุกรานโดยชาวมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 และถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างไป ประการสำคัญนครถ้ำอุพลิทซิเฆ คือส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่อเมืองไบแซนติอุมแห่งจักรวรรดิ์ไบแซนไทน์ ปัจจุบันคือ อิสตันบูลของตุรกี

เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองทบิลิซีแล้ว เช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ           รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Iveria Hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

09.00 น.     เริ่มท่องเที่ยวใน เมืองทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา (Kura) หรือเรียกว่าแม่น้ำมตควารี (Mtkvari) ในภาษาจอร์เจียน เมืองทบิลิซีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,700ปี เริ่มสร้างเมืองขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยกษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี (King Vakhtang Gorgasali of Katli) กษัตริย์จอร์เจียแห่งไอบีเรีย  

นำท่านชมสถานที่สำคัญต่างๆของเมืองทบิลิซี อันได้แก่ โบสถ์เมเตคี (Metekhi Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาที่เบื้องล่างเป็นแม่น้ำมตควารี สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวจอร์เจีย ในอดีตถูกใช้เป็นป้อมปราการและที่พำนักของกษัตริย์ ในบริเวณเดียวกันท่านจะได้พบกับอนุสาวรีย์ทรงม้าของกษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี ผู้สร้างเมืองตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม                

แล้วนำท่านชม โรงอาบน้ำแร่เก่าแก่ (Bath Houses) ในย่านโซโลลากี (Sololaki) ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำร้อนกำมะถันธรรมชาติ (Sulphur Spring Water) จึงเหมาะกับกิจกรรมออนเซ็นในแบบฉบับของจอร์เจีย โรงอาบน้ำเหล่า นี้ยังมีการให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และเป็นที่นิยมของชาว เมืองทบิลิซี

นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่ ป้อมปราการหินนาริกาลา (Narikala Fortress) ป้อมปราการที่ได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุดบนเส้นทางสายไหมและถือว่าเป็นจุดชมวิวไฮไลท์ของทบิลิซี ใกล้ๆ กันก็จะเห็นอนุสาวรีย์แม่แห่งจอร์เจีย (Mother of Georgia) โดยเป็นรูปหล่อจากอลูมิเนียมสูง 20 เมตร มือข้างหนึ่งถือดาบ ข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ เป็นสัญลักษณ์แสดงลักษณะนิสัยของชาวจอร์เจียที่มีมิตรไมตรีต่อแขกที่มาเยือนแต่ก็พร้อมที่จะสู้กับศัตรูที่เข้ามารุกราน

นำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า (Old Tbilisi) นครหลวงทบิลิซี หนึ่งในชุมชนคริสเตียนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เคยถูกรุกรานหลายครั้งหลายคราจากพวกชาวอาหรับ เปอร์เซีย มองโกล และรัสเซีย ทำให้นครแห่งนี้ผสมผสานไปด้วยชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์เก่าแก่ต่างๆที่อาศัยอยู่มายาวนานหลายชั่วอายุคน เป็นย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล อาทิ ย่านโซโลลากี บ้านเรือนพื้นเมืองอายุหลายร้อยปีที่เป็นศิลปะ ผสมผสานระหว่างยุโรปกับเปอร์เซีย รวมทั้งเป็นย่านที่ตั้งของโรงอาบน้ำโบราณของทบิลิซีอีกด้วย

ถนนชาร์ดีน (Chardin Street) ถนนคนเดินขึ้นชื่อสายหนึ่งในย่านเมืองเก่าที่เป็นศูนย์รวมร้านค้าต่างๆ

กลางวัน      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (อาหารจีน)

บ่าย          นำชม พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งชาติจอร์เจีย (Georgian National Museum) สถานที่ที่จัดแสดงวัตถุโบราณ โดยเฉพาะเครื่องประดับทองคำอันล้ำค่าในสมัยก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 3 นอกจากนั้นยังมีห้องที่แสดงชุดเกราะ อาวุธต่างๆ ที่ใช้ในสงคราม รวมทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคโซเวียต ซึ่งจัดแสดงในชั้นบน  

อิสระให้เดินเล่นบน ถนนรุสตาเวลี (Rustaveli Avenue) เป็นถนนธุรกิจสายหลักของนครที่สองฟากถนนมีอาคารสไตล์ยุโรปสวยงามตั้งเรียงรายเต็มไปด้วยร้านค้าหรูหรา ร้านกาแฟ ร้านแผงลอยขายของที่ระลึกมากหลากหลายมาวางอวดโฉมอยู่บนทางเท้าราวกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง

ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Iveria Hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

08.00 น.    เดินทางมุ่งหน้าสู่ เมืองซาดาโคล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีราว 72 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที อันเป็นเมืองหน้าด่านพรมแดนระหว่างจอร์เจียและอาร์เมเนีย (การข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศ จะมีช่วงรอยต่อพรมแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ (No Man Land) ท่านจะต้องลากกระเป๋าของตนเอง โดยมีระยะทางราว 250 เมตร เพราะไม่มีคนยกกระเป๋าบริการเนื่องจากเป็นเขตแดนควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด) หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

นำท่านเดินทางสู่ เมืองฮักห์พาท (Haghpat) ทางตอนเหนือของอาร์เมเนีย เป็นที่ตั้งของอารามสำคัญ ทั้ง 2 แห่ง คือ  อารามฮักห์พาท (Haghpat Monastery) สร้างในปีค.ศ. 976 และ อารามซานาฮินน์ (Sahahin Monastery) สร้างในปีค.ศ. 966 ตามตำนานเล่าว่า สร้างโดยหญิงสาวผู้หนึ่งเพื่อให้แก่ลูกชายสองคน

นำชมอารามมรดกโลกทั้งสองแห่งซึ่งเป็นผลงานที่โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมในแบบฉบับอาร์เมเนียในยุคกลาง และองค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1996 รายละเอียดของสถาปัตยกรรมและโครงสร้างภายในเข้าใจว่าทั้งสองแห่งถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือจากสำนักเดียวกัน อารามทั้งสองแห่งถือเป็นศูนย์กลางด้านการศาสนาและการศึกษาในช่วงยุคกลางของอาร์เมเนีย

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่นร์ตซิน

บ่าย          ออกเดินทางต่อไปยัง เมืองดิลิจัน (Dilijan) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบเซวาน ริมแม่น้ำอัคซเทป อยู่สูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีป่าเขียวชอุ่มและอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี จึงกลายเป็นเมืองที่สำคัญทางด้านการท่องเที่ยว และได้สมญานามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งอาร์เมเนีย (Little Switzerland of Armenia)  นำท่านแวะชม Old Dilijan Complex ซึ่งถือเป็นย่านประวัติศาสตร์เก่าของเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์อาคารสถาปัตยกรรมไม้ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 เอาไว้อย่างดี

ค่ำ           รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Paradise Resort 4*, Dilijan หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

ออกเดินทางผ่าน เมืองเซวาน แวะเก็บภาพความสวยงามของ ทะเลสาบเซวาน (Sevan Lake) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเขตเทือกเขาคอเคซัส และนำท่านชม โบสถ์เซวานาแวงค์ (Sevanavank Monastery) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบทางตะวันตกเฉียงเหนือ คำว่า "แวงค์" เป็นภาษาอาร์เมเนีย แปลว่า วิหาร สร้างโดยเจ้าหญิงมาเรียม พระธิดาของกษัตริย์อาชอตที่ 1 (Ashot I) ในปีค.ศ.874

เมื่อเก็บภาพกันพอสมควรแล้วเดินทางต่อ (ระยะทางราว 85 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 30 นาที)

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          นำท่านชม วิหารการ์นี (Garni Temple) ในอดีตเมื่อ 3 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว พบว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์และเป็นเมืองสำคัญในยุคจักรวรรดิ์โรมัน ในเวลาต่อมา บริเวณนี้เคยใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งอาร์เมเนียจนถึงราชวงศ์สุดท้ายที่กษัตริย์ถูกลอบสังหารโดยลูกเขยและหลานของพระองค์เอง วิหารเสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ.1679 สิ่งที่พบเห็นในปัจจุบันจะเป็นการบูรณะซ่อมแซมใหม่ ลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายกรีกแต่ลวดลายเป็นศิลปะแบบอาร์เมเนีย

ถัดจากเมืองการ์นีขึ้นไปทางเหนือ บริเวณหุบเขาใกล้แม่น้ำเอแซท (Azat River) นำท่านไปชมวัดถ้ำ หรือ วิหารเก็กเคริท (Geghard Monastery) ที่แกะสลักจากภูเขาหิน (คล้ายวิหารฮินดูที่อจันต้า-อินเดีย) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาคริสต์กำลังรุ่งเรือง แต่ถูกทำลายในช่วงศตวรรษที่ 9 จากการรุกรานของชาวอาหรับ อย่างไรก็ตามภายในวิหารยังมีการตกแต่งที่สวยงาม มีการตัดหินเป็นรูปคานโค้งที่งดงาม รวมทั้งมีภาพแกะสลักบนกำแพงหินในรูปต่างๆ ที่สื่อความหมายต่างๆ อีกด้วย

จากนั้นเดินทางต่อเข้าสู่ กรุงเยเรวาน เมืองหลวงของประเทศอาร์เมเนีย

ค่ำ           รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า

เช้า          รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางไปยังเขตอารารัตและตรงไปสู่วิหารคอร์วิราบ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของอาร์เมเนียและตุรกีเพียง 8 กิโลเมตร ใกล้แนวเทือกเขาอารารัต นำชม วิหารคอร์วิราบ ตั้งอยู่ที่ความสูง 829 เมตร คำว่า “คอร์” เป็นชื่อของนักบุญเกรกอรี่ “วิราบ” เป็นภาษาอาร์เมเนีย แปลว่า หลุมลึก สถานที่แสวงบุญของชาวคริสต์ วิหารคอร์วิราบสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 642 โดยคำแนะนำของนักบุญเกรกอรี่ที่ให้คำปรึกษาด้านศาสนาแก่กษัตริย์ธิริเดทที่ 3 (Tiridates III) ทำให้ศาสนาคริสต์เป็นที่เลื่อมใสและอาร์เมเนียเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ บนบริเวณนี้เองท่านสามารถมองเห็นวิวยอดเขาอารารัตใหญ่ (5,137 เมตร) และยอดเขาเลสเซอร์อารารัต (3,896 เมตร) ได้อย่างชัดเจนหากฟ้าเปิดเป็นใจ

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเอคเมียทซิน (Echmiadzin) อยู่ห่างจากกรุงเยเรวานราว 20 กิโลเมตร นำท่านชม คริสตจักรเอคเมียทซิน (Echmiadzin Cathedral) หรือ อีกชื่อหนึ่งว่า วิหารพระมารดาแห่งคริสตจักรอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรอาร์เมเนีย มีความสำคัญเทียบเท่าเสมือนเป็นวาติกันของอาร์เมเนีย และที่แห่งนี้จัดเป็นโบสถ์คริสต์แห่งแรกที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยมีตำนานเล่าว่า มันเป็นสถานที่ที่พระเยซูคริสต์เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อแสดงตำแหน่งที่พระองค์มีพระประสงค์ให้สร้างโบสถ์ ดังนั้น คำว่า “Echmiadzin” คือ "The only-begotten descended" โบสถ์ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญเกรกอรี่ (St.Gregory) ในระหว่างปีค.ศ.301-303 เดิมสร้างด้วยไม้และบูรณะเปลี่ยนเป็นหิน ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ที่สำคัญคือได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2000

นอกจากนี้ภายในบริเวณเขตรั้วของมหาวิหารก็มีกลุ่มอาคารต่างๆ อาทิเช่น ห้องสมุด โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยสอนศาสนา และที่สำคัญคือ พระราชวังประทับขององค์พระสังฆราชแห่งอาร์เมเนีย หรือที่เรียกว่า “คาทอลิโก้” (Catholico) 

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย          เดินทางไปชมซากปรักหักพังของ อารามซวาสนอทซ์ (Zvartnots Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่อาร์เมเนียอยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรไบเซนไทน์และในช่วงต้นของการรุกรานอาร์เมเนียโดย ชาวอาหรับมุสลิม การก่อสร้างวิหารเริ่มขึ้นในปีค.ศ.643 โดยคาทอลิโก้ เนอร์เสส (Catholico Nerses  the Builder) เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญเกรกอรี่ หลังจากการยึดครองของชาวอาหรับและสงครามรุนแรงทวีระหว่างกองทัพไบเซนไทน์และอาหรับที่บริเวณชายแดนตะวันออก รวมทั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงหลายครั้ง อารามแห่งนี้จึงเหลือเพียงซากปรักหักพังถูกฝังไว้อยู่ใต้ดินจนกระทั่งมีผู้มาขุดค้นเจอโดยบังเอิญในปีค.ศ. 1905 แต่จากการศึกษาโครงสร้างทำให้ทราบว่าอารามแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุคนั้น จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 2000

ก่อนอำลาอาร์เมเนีย...ดินแดนแห่งคริสต์ศรัทธา นำชม กรุงเยเรวาน (Yerevan) เมืองที่มีประวัติย้อนไปในยุคศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล เดิมชื่อ เมืองเยเรบูนี่ (Erebuni) เมืองหลวงแห่งนี้จัดเป็นเมืองที่สวย งามแห่งหนึ่งในแถบภูมิภาคคอเคซัสที่มีรูปแบบโครงสร้างอาคารสถาปัตยกรรมในตัวเมืองมีกลิ่นอายของการผสมผสานระหว่างยุโรปและรัสเซีย และตั้งอยู่ในระดับสูงกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบาย กรุงเยเรวานตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ราบหุบเขาอารารัต มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านชื่อ แม่น้ำราซดัน (Hrazdan River)  

นำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง (Republic Square) เดิมทีชื่อว่า Lenin Square ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางทั้งด้านธุรกิจและด้านการปกครอง อันเป็นที่ตั้งของกระทรวงสำคัญต่างๆหลายกระทรวง มีตึกอาคารต่างๆที่รายล้อมรอบจัตุรัสนั้นสวยงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์เมเนียน มีน้ำพุตั้งอยู่ที่จัตุรัสดังกล่าว ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการเปิดให้ชมน้ำพุเต้นระบำเป็นรอบๆ ด้วยเช่นกัน

แล้วนำท่านชม เยเรวาน คาสเคด (Yerevan Cascade) สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ซึ่งมีลักษณะเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันลงมามีความสูงประมาณ 500 เมตรและมีการปล่อยน้ำลงมาเสมือนเป็นน้ำตกขั้นบันได โดยภายในของอาคารดังกล่าวยังเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยตามขั้น บันไดอย่างสวยงามสะดุดตา เมื่อขึ้นเป็นถึงชั้นบนสุด ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเยเรวานได้โดยรอบ

เย็น          รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

เข้าสู่โรงแรมที่พัก Radisson Blu Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า

00.30 น.     เดินทางสู่สนามบิน เตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

03.30 น.     เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 286 (ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)

05.30 น.     เดินทางถึงสนามบินโดฮา เปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง กรุงเทพฯ

08.10 น.     เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 832 (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 55 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)

19.05 น.     เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

แผนที่

เลือกวันเดินทาง

วันเดินทางไป - กลับ ผู้ใหญ่ท่านละ พักเดี่ยวเพิ่มเงิน ราคาเด็กท่านละ
26 ก.ย. 67 - 08 ต.ค. 67145,900 บาท23,500 บาทสอบถามเพิ่มเติมจอง

เงื่อนไข

  • ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดแบบหมู่คณะสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ และค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง   
  • ค่าธรรมเนียมประกันภัยทางอากาศ และ ค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง                           
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ 23 กิโลกรัม
  • ค่าที่พักโรงแรม 2 ท่านต่อ 1 ห้อง รวม 11 คืน
  • ค่าอาหารทุกมื้อที่ระบุในรายการ และน้ำดื่มบนรถตลอดการเดินทาง
  • ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมสถานที่ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าประกันภัยอุบัติเหตุจากการเดินทาง 1,000,000 บาท ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
  • ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและคนขับรถเท่านั้น
  • ค่าวีซ่าอาเซอร์ไบจันและอาร์เมเนียแบบ Tourist E-visa (Single entry)
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ค่าเครื่องดื่ม นอกเหนือจากรายการ
  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรม
  • ค่าทำหนังสือเดินทาง/ค่าทำเอกสารออกนอกราชอาณาจักรของผู้ถือหนังสือต่างด้าว/ค่าวีซ่าด่วน
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  •  ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย
  • เมื่อได้รับการยืนยันว่ากรุ๊ปออกเดินทางได้ ผู้เดินทางต้องจัดเตรียมเอกสารจำเป็นต่างๆสำหรับการยื่นขอวีซ่าให้พร้อมโดยเร็ว
  • การยื่นขอวีซ่าของแต่ละประเทศหรือแต่ละสถานทูต จะมีการเตรียมเอกสารและมีขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจเป็นการยื่นขอวีซ่าแบบหมู่คณะ หรือแบบรายบุคคล (แสดงตนที่สถานทูต) หรือแบบวีซ่าออนไลน์ แล้วแต่กรณี ท่านสามารถสอบถามข้อมูลกับทางบริษัทตามช่องทางการขายต่างๆเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการจองทัวร์
  • กรณีผู้เดินทางต้องการผู้ดูแลพิเศษ อาทิเช่น นั่งรถเข็น (wheelchair) เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกในการนั่งรถเดินทางท่องเที่ยวเป็นเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดกัน ผู้เดินทางจำต้องหาผู้ดูแลส่วนตัวร่วมเดินทางไปด้วย เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์และไกด์ท้องถิ่นมีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมดเป็นหลัก
  • กรณีผู้เดินทางมีอายุไม่ถึง18ปี และไม่ได้เดินทางกับบิดามารดา ต้องมีจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศจากบิดาหรือมารดาแนบมาด้วย
** เพื่อความถูกต้อง กรุณาตรวจสอบข้อมูลเดินทางและเงื่อนไขการชำระเงินกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทุกครั้ง
ราคาเริ่มต้น
145,900 บาท
รหัส 108-7780 ทัวร์แกรนด์คอเคซัส อาเซอร์ไบจัน-จอร์เจีย-อาร์เมเนีย
ราคาเริ่มต้น 145,900 บาท
เดินทางช่วง เม.ย.67 / ก.ย.67
เดินทางโดย Qatar Airways (QR)
ดูเพิ่มเติม https://www.doctorontour.com/tour.php?tour_id=5068

ไฟล์ PDF https://tourfiles.vm101.net/pdf/014/108-7780.pdf

สนใจติดต่อ บริษัท ด็อกเตอร์ ออน ทัวร์ เทรเวิล แอนด์ เอเจนซี่ จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/10190
โทร 061-545-0956
LINE ID @doctorontour
อีเมล DoctorOnTourTravel@yahoo.com
คัดลอกข้อมูลทัวร์
เพิ่มในรายการโปรด
Share on social networks
Scan QRCode

โปรแกรมแนะนำ

ติดต่อสำนักงาน
บริษัท ด็อกเตอร์ ออน ทัวร์ เทรเวิล แอนด์ เอเจนซี่ จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 11/10190

2721/1 ถนน พระรามสี่ แขวง คลองเตย เขต คลองเตย จังหวัด กรุงเทพมหานคร 10110 กรุงเทพมหานคร 10110

จันทร์-ศุกร์ 9.00 - 18.00 น
บริการของเรา
บริการจองตั๋วเครื่องบิน
บริการทำ VISA ทุกประเทศ
บริการจัดนำเที่ยวในประเทศ
บริการจัดอบรมประชุมสัมมนา
บริการจองที่พัก โรงแรม รีสอร์ท
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
LineID
Add LINE Friends via QR Code
ติดตามเรา
home
หน้าหลัก
quatation
ขอใบเสนอราคา
chat
ติดต่อเรา
chat ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
search ค้นหาโปรแกรมทัวร์
home หน้าหลัก
approval ขอใบเสนอราคา